นายถิรายุ อินทร์แปลง นิสิตระดับปริญญาเอก สาขาวิชาการวัดและประเมินผลการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเรขาคณิตวิเคราะห์ระหว่างวิธีการจัดการเรียนรู้แบบใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน วิธีการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานและวิธีการจัดการเรียนรู้แบบบรรยาย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 120 ข้อ 120 คะแนน มีค่าความยากง่ายระหว่าง .27-.74 มีค่าความเที่ยงทั้งฉบับเท่ากับ .89
ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 1-3 ห้องละ 10 คน รวมเป็นจำนวน 30 คน ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนสุขสำราญ ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เนื่องจากโรงเรียนจัดชั้นเรียนแบบคละความสามารถ
ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนแต่ละห้องด้วยวิธีที่แตกต่างกัน โดยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้องที่ 1 จัดการเรียนการสอนด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน ห้องที่ 2 จัดการเรียนการสอนแบบโครงงานเป็นฐาน และห้องที่ 3 จัดการเรียนการสอนแบบบรรยาย หลังจากนั้นเมื่อทำการสอนจนเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ จึงทำการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแล้วนำผลการทดสอบมาวิเคราะห์ด้วยสถิติบรรยายพื้นฐานและเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และใช้สถิติทดสอบ (F-test) ผลการวิจัย ผู้วิจัยขอแสดงผลด้วยแผนภาพและตารางและบรรยายผลการวิจัยเป็นดังนี้
จากภาพจะเป็นแผนภูมิกล่องที่แสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำแนกตามห้องเรียนที่ได้รับการสอนที่แตกต่างกันพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ย พบว่า นักเรียนที่เรียนแบบใช้เทคโนโลยีเป็นฐานมีคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาจะเป็นนักเรียนที่เรียนแบบโครงงานเป็นฐานและนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยวิธีการบรรยาย นอกจากนี้เมื่อพิจารณาคะแนนของนักเรียนแต่ละกลุ่ม พบว่านักเรียนมีคะแนนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากภาพ นักเรียนเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีเป็นฐานคะแนนจะอยู่ในช่วง 80-106 คะแนน นักเรียนที่เรียนด้วยโครงงานเป็นฐานคะแนนจะอยู่ในช่วง 71 – 101 คะแนน และนักเรียนที่เรียนด้วยการบรรยายคะแนนจะอยู่ในช่วง 51-78 คะแนน พอสรุปได้ว่าวิธีการสอนแบบเทคโลยีเป็นฐานเป็นวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เรื่องเรขาคณิตวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และนอกจากนี้จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวพบว่า คะแนนจากการสอนทั้ง 3 วิธีมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
จากรูปพบว่า คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบรายวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบใช้เทคโนโลยีเปนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบโครงงานเป็นฐานมีคะแนนเฉลี่ย 83.00 และนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบบรรยายมีคะแนนเฉลี่ย 61.00 ผลการตรวจสอบข้อตกลงเบื้องต้นของการใช้วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว(one-way ANOVA) พบว่าข้อมูลมีการแจกแจงเป็นปกติ โดยผลการทดสอบด้วยสถิติทดสอบของ Shapiro-Wilk พบว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ผลการทดสอบความแปรปรวนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างกลุ่มที่ได้การสอนแบบเทคโนโลยีเป็นฐาน โครงงานเป็นฐานและบรรยายไม่แตกต่างกันทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 จึงทำการวิเคราะห์ความแปรปรวนและวิเคราะห์สถิติทดสอบ F-test แบบ Homogeneity of Variances Assumed ผลปรากฏว่าจากการแจกแจงของสถิติทดสอบ F-test มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จึงมีวิธีการสอนอย่างน้อย 1 คู่ที่แตกต่างกัน ผู้วิจัยจึงทำการทดสอบรายคู่ ด้วยวิธีการของ Bonferroni พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบการใช้เทคโนโลยีเป็นฐานมีคะแนนการทดสอบสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบโครงงาน โดยเฉลี่ย 12.40 คะแนน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนี้พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบการใช้เทคโนโลยีเป็นฐานมีคะแนนการทดสอบสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบบรรยาย โดยเฉลี่ย 31.30 คะแนน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบโครงงานเป็นฐานมีคะแนนการทดสอบสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบบรรยาย โดยเฉลี่ย 18.9 คะแนน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05็นฐานมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 95.40
| Method2 | n | mean.score | sd.score | min.score | max.score |
|---|---|---|---|---|---|
| Tech | 10 | 95.4 | 8.934328 | 80 | 106 |
| Project | 10 | 83.0 | 8.894443 | 71 | 101 |
| Lecture | 10 | 64.1 | 8.786985 | 51 | 78 |
## ANOVA
## --------------------------------------------------------------------
## Sum of
## Squares DF Mean Square F Sig.
## --------------------------------------------------------------------
## Between Groups 4968.867 2 2484.434 31.562 0.0000
## Within Groups 2125.3 27 78.715
## Total 7094.167 29
## --------------------------------------------------------------------
##
## Report
## --------------------------------------
## Category N Mean Std. Dev.
## --------------------------------------
## Tech 10 95.400 8.934
## Project 10 83.000 8.894
## Lecture 10 64.100 8.787
## --------------------------------------
##
## Number of obs = 30 R-squared = 0.7004
## Root MSE = 8.8721 Adj R-squared = 0.6782
Note that the echo = FALSE parameter was added to the code chunk to prevent printing of the R code that generated the plot.